กระแสข่าวระหว่าง เจดอน ซานโช่ ปีกคนเก่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆตลอดช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่ “ปีศาจแดง” กาหัวเขาเป็นเป้าหมายการเสริมทัพเบอร์ 1 โดยลือกันว่า ซานโช่ อยากย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เหมือนกันด้วย
3 แนวรุกคนไหนของ แมนยู ที่ควรหลุดตัวจริงหาก ซานโช่ มาซบทีม โซลชา ?
ตอนแรกทีมของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ดูเหมือนจะมีความหวังน้อยสุดๆที่จะปิดดีลได้ เพราะลือกันว่า ดอร์ทมุนด์ อยากได้ข้อเสนอสูงถึง 109 ล้านปอนด์เพื่อแลกกับการขายแข้งวัย 20 ปี ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยืนกรานเสียงแข็งว่าไม่พร้อมจ่ายเงินสูงขนาดนั้นแบบก้อนเดียว
อย่างไรก็ตาม ไม่นานมานี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูมีความหวังในการล่าตัว ซานโช่ หลังจากที่ ดิ อินเดเพนเดนท์ สื่อของอังกฤษบอกว่า ดอร์ทมุนด์ พร้อมรับข้อเสนอแบบที่จะได้เงินสดทันทีก่อน 60 ล้านปอนด์ ส่วนที่เหลือให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ใส่เป็นค่าเงื่อนไขต่างๆที่จะทำให้สุดท้ายแล้วจำนวนเงินรวมจะเป็น 109 ล้านปอนด์ ซึ่งมันดูไม่น่าจะเป็นข้อเสนอที่ยุ่งยากเกินไปสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด
ถึงกระนั้น คำถามเกี่ยวกับ ซานโช่ และ แมนฯ ยูไนเต็ด ตลอดช่วงที่ผ่านมาก็คือถ้าหากดีลนี้เกิดขึ้นได้จริงๆแล้วล่ะก็ ซานโช่ จะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแทนใครในแนวรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ปัจจุบันประกอบไปด้วย มาร์คัส แรชฟอร์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ เมสัน กรีนวู้ด ? เพราะ ซานโช่ คงไม่ได้เข้ามาเป็นเพียงตัวสำรองแน่ๆเมื่อพิจารณาถึงการที่คุณภาพของเขาเหนือกว่า 3 แนวรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนี้อย่างเห็นได้ชัด
แน่นอน มองผิวเผินแล้วคนที่ควรจะต้องหลุดจากตัวจริงแบบไร้ข้อโต้แย้งคือ กรีนวู้ด โทษฐานที่เขาเพิ่งมีอายุเพียง 17 ปี จนทำให้ประสบการณ์ยังถือว่าน้อยกว่าคนอื่นๆแถมที่จริงแล้วฤดูกาล 2019-20 ก็เพิ่งเป็นซีซั่นแรกที่ กรีนวู้ด ได้รับโอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่องแบบเต็มตัวจนทำให้ฤดูกาลนี้ลงเล่นไปแล้ว 47 นัดในทุกรายการ ตรงข้ามกับซีซั่น 2018-19 ที่ได้ลงเล่นไปเพียง 4 เกมจากทุกรายการอย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม ถ้ามองถึงเรื่องตำแหน่งและความจำเป็นแล้วนั้น กรีนวู้ด ก็อาจจะควรได้เป็น 1 ใน 3 แนวรุกตัวจริงของ แมนฯ ยูไนเต็ด มากกว่า แรชฟอร์ด และ มาร์กซิยาล เหมือนกัน เพราะระบบ 4-3-3 ที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ชอบใช้ในตอนนี้มันจำเป็นต้องมีกองหน้าตัวเป้าตามธรรมชาติ 1 คน และ กรีนวู้ด คือคนที่เหมาะกับบทบาทนั้นมากกว่า 2 รุ่นพี่ของเขา
โซลชา มักจะชม กรีนวู้ด มาตั้งนานแล้วว่าเป็นกองหน้าตัวเป้าที่ยอดเยี่ยมมากๆและซีซั่นนี้แข้งวัย 17 ปีก็พิสูจน์ให้เห็นถึงเรื่องนั้นจากการที่เขามีจังหวะจบสกอร์ที่เฉียบขาดจนทำไปแล้ว 17 ประตู โดยในจำนวนนั้นเกิดขึ้นในเกม พรีเมียร์ลีก 10 ลูกด้วยกัน จริงอยู่ว่าลีลาการกระชากลากเลื้อยและการผ่านบอลของเขายังเป็นรองอีก 2 คน แต่หากจะพูดถึงเรื่องกองหน้าตัวเป้าแล้วล่ะก็ คุณสมบัติแบบนั้นมันก็มีความสำคัญน้อยกว่าการจบสกอร์
สิ่งหนึ่งที่ตอกย้ำได้เป็นอย่างดีว่า กรีนวู้ด มีจังหวะจบสกอร์ที่ดีกว่ารุ่นพี่ก็คือในฤดูกาลนี้เขามีเปอร์เซ็นต์การยิงตรงกรอบใน พรีเมียร์ลีก สูงถึง 52.6 เปอร์เซ็นต์ หลังจากมีจังหวะยิง 38 ครั้ง และเป็นการยิงตรงกรอบ 20 หน ขณะที่ มาร์กซิยาล ทำได้ 48.1 เปอร์เซ็นต์ หลังยิงตรงกรอบ 38 ครั้งจากจำนวนการยิงทั้งหมด 79 หน ส่วน แรชฟอร์ด น้อยที่สุดในทั้ง 3 คน ด้วยจำนวน 45.2 เปอร์เซ็นต์ โดยเขายิงตรงกรอบไป 38 ครั้ง จากโอกาสทำประตู 84 รอบ
นอกจากนี้ อัตราการทำประตูต่อการยิงตรงกรอบของ กรีนวู้ด ก็สูงมากๆที่จำนวน 0.50 หรือก็คือครึ่งหนึ่งที่เขายิงตรงกรอบนั้นมันกลายเป็นประตูได้ ขณะที่ของ มาร์กซิยาล อยู่ที่ 0.45 ส่วน แรชฟอร์ด ทำได้เพียง 0.29 เท่านั้น นั่นทำให้ กรีนวู้ด เหมาะมากๆกับการเป็นกองหน้าตัวเป้าที่จะรอการจบสกอร์จากการเปิดบอลของเพื่อนร่วมทีม ไม่ว่าจะทั้งจาก บรูโน่ แฟร์นันด์ส กองกลางตัวรุกที่มีความสร้างสรรค์ในการเล่นสูง, ปอล ป็อกบา ที่วางบอลยาวได้ดี (ถ้ายังไม่ย้ายไปไหนซะก่อน) รวมถึงจาก ซานโช่ ที่เป็นจอมแอสซิสต์จนถึงขั้นทำไป 16 แอสซิสต์ ในศึก บุนเดสลีกา ฤดูกาล 2019-20
จริงอยู่ว่าในฤดูกาล 2019-20 กรีนวู้ด ถูกใช้เป็นตัวริมเส้นฝั่งขวาเป็นส่วนใหญ่ในตอนที่เล่นให้ทีมชุดใหญ่ แต่ตำแหน่งที่เขาถนัดมากที่สุดจริงๆคือกองหน้าตัวเป้า อย่างฤดูกาล 2018-19 เขาก็สามารถทำปรตูในเกมระดับเยาวชนได้ถึง 26 ลูก จากการลงเล่น 26 นัด หากนับเฉพาะทัวร์นาเมนต์ระดับเยาวชน และแทบทุกประตูเหล่านั้นก็เกิดขึ้นในตอนที่เขาเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า ไม่ใช่ตัวริมเส้น
ในเมื่อตำแหน่งหน้าเป้าเป็นของ กรีนวู้ด ส่วนปีกข้างหนึ่งจะถูก ซานโช่ จองเอาไว้แล้วนั้น แนวรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็จะเหลือที่ว่างเป็นตัวริมเส้นอีก 1 ตำแหน่งแค่ที่เดียวเท่านั้นที่ แรชฟอร์ด กับ มาร์กซิยาล ต้องชิงชัยกัน
ในฤดูกาลล่าสุด มาร์กซิยาล มีเปอร์เซ็นต์การผ่านบอลเข้าเป้าดีกว่า แรชฟอร์ด ด้วยการทำได้ 79.8 เปอร์เซ็นต์ ส่วน แรชฟอร์ด ทำได้ 76.7 เปอร์เซ็นต์ จริงอยู่ว่าถ้าดูที่เฉพาะการครอสบอลจากริมเส้นเข้าไปในกรอบเขตโทษนั้น แรชฟอร์ด ทำได้เยอะกว่า หลังจากทำได้ 4 ครั้ง ในขณะที่ มาร์กซิยาล ทำได้เพียง 1 หน แต่ต้องไม่ลืมว่ามีหลายนัดที่ มาร์กซิยาล ถูกจับไปเป็นกองหน้าตัวเป้า จนทำให้เขาไม่มีโอกาสได้ครอสบอลมากเท่าไหร่ตามไปด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น จนถึงตอนนี้ มาร์กซิยาล ก็ดูจะมีความคงเส้นคงวามากกว่า แรชฟอร์ด นิดหน่อย แม้ว่าโดยรวมแล้วฟอร์มของทั้งคู่จะมีช่วงขึ้นๆลงๆเยอะพอๆกันก็ตาม แถม มาร์กซิยาล ยังเลี้ยงบอลได้ติดเท้ากว่า แรชฟอร์ด นิดหน่อยอีกต่างหาก หลังจากเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง 61.5 เปอร์เซ็นต์ ส่วน แรชฟอร์ด ทำได้ 54.5 เปอร์เซ็นต์ ติดแค่ว่าบางครั้งเขาเห็นแก่ตัวไปหน่อยเท่านั้น
สรุป : ถ้าไม่คำนึงถึงเรื่องประสบการณ์ กรีนวู้ด ในตำแหน่งหน้าเป้า โดยที่มี ซานโช่ กับ มาร์กซิยาล คอยทำเกมตรงริมเส้นน่าจะเป็นแนวรุกที่ดีที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในกรณีที่ได้ ซานโช่ มาร่วมทัพ พวกเขาจะมีทั้งคนที่จบสกอร์ได้เฉียบคมทั้ง 2 เท้าแบบ กรีนวู้ด, มีตัวริมเส้นที่ทั้งจบสกอร์และเปิดบอลได้ดีอย่าง ซานโช่ รวมถึงคนที่เลี้ยงบอลได้ดีและยิงได้น่าพอใจในระดับหนึ่งอย่าง มาร์กซิยาล อีก
ใช่แล้ว นั่นหมายความว่า แรชฟอร์ด คือคนที่อาจจะควรต้องหลุดจากตำแหน่งตัวจริงมากที่สุด ไม่มีใครปฏิเสธว่าเขาเป็นคนที่มีความเร็วสูง, มีความพยายามที่ดี, จบสกอร์ได้น่าพึงพอใจ แต่เมื่อเทียบกับภาพรวมของทีมแล้วนั้นเขาก็จำเป็นต้องพัฒนาให้ดีกว่านี้ หากไม่อยากจะเสียตำแหน่งตัวจริงของทีม