เอาแค่ฟุตบอลได้กลับมาเตะตามความตั้งใจที่จะให้ฤดูกาล 2019/20 เคลียร์ครบทุกนัดก็น่าประทับใจแล้ว
แต่ความคืบหน้าล่าสุดของฟุตบอลที่อังกฤษยิ่งน่าทึ่งกว่านั้น เพราะเขามองไปถึงการนำแฟนบอลกลับมาชมเกมในสนามเหมือนปกติภายในเดือนตุลาคมนี้เลย
ไม่น่าเชื่อ ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ว่ามีความคิดอย่างนั้นจริงๆตามแนวทาง 5 ขั้นของรัฐบาล ส่วนจะทำได้มากน้อยแค่ไหนนั้นต้องดูกันตามสถานการณ์อีกที

เดิมทีมีการคาดการณ์ไว้ว่าฟุตบอลที่จะมีแฟนบอลเข้าชมในสนามได้นั้นปีนี้เลิกคิดไปเลย อย่างเร็วที่สุดถ้าจะเกิดขึ้นก็ต้องเป็นปีหน้าที่ โควิด-19 น่าจะหมดฤทธิ์สิ้นเชิง
กระนั้นแนวทางรัฐบาลอังกฤษโดยนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีตั้งเป้าไปถึงการเอาชนะไวรัสร้ายให้ได้อย่างรวดเร็ว เป็นการประกาศว่าเราไม่กลัวโควิด-19 เพราะเมื่อถึงจุดๆหนึ่งน่าจะควบคุมการระบาดได้ด้วยมาตรการหลากหลาย
ประชาชนมีความตื่นตัวมากขึ้นในเรื่องการระมัดระวังป้องกันตัวเองไม่ให้ตกอยู่ในความเสี่ยงรับเชื้อหรือแพร่เชื้อ การรักษาระยะห่าง Social distancing หรือสวมหน้ากากช่วยลดความสามารถในการระบาดไปได้มาก
จริงอยู่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจะยังมีอยู่ ล่าสุดอังกฤษมีคนตายจากโควิด-19 นี้ทะลุสามหมื่นคนมากที่สุดในยุโรปไปแล้ว แต่รัฐบาลเมืองผู้ดีมองว่าภายในเวลา 4 เดือนข้างหน้าทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงกับปกติที่สุดได้โดยมีการป้องกันตัวในระดับมาตรฐาน
อนุญาตให้ฟุตบอลเตะกันโดยมีแฟนบอลเข้าสนามเป็นหนึ่งในเป้าหมาย เช่นเดียวกับการอนุมัติเปิดยิมออกกำลังกายและกิจกรรมทางสังคมอื่นๆ

ปฏิบัติการ 5 ขั้นสู่การใช้ชีวิตปกติที่รัฐบาลนาย บอริส จอห์นสัน วางเอาไว้นั้นคือการกำหนดเป้าหมายในแต่ละช่วงเวลานับจากวันจันทร์นี้ไปจนถึงเดือนตุลาคม เป็นเอกสาร 50 หน้าที่หนังสือพิมพ์เดลี่มิร์เรอร์นำมาเปิดเผย
5 ขั้นตอนที่ว่ามีดังนี้ครับ
ขั้นที่ 1 ตั้งแต่วันจันทร์นี้เป็นต้นไป
–เปิดสวนสาธารณะ เปิดตลาด ผู้คนเดินตามไฮสตรีท
–ลูกจ้างเริ่มกลับไปทำงาน
ขั้นที่ 2 ปลายเดือนพฤษภาคม/ต้นเดือนมิถุนายน
–เพื่อนบ้านไปมาหาสู่ร่วมรับประทานอาหาร
–โรงเรียนกลับมาเปิดอีกครั้งในบางระดับชั้นปี
ขั้นที่ 3 ปลายเดือนมิถุนายน
–เปิดโรงเรียนเต็มรูปแบบ
–กีฬาขนาดเล็กระดับไม่เกิน 30 คนแข่งขันกันได้เช่นฟุตบอลไฟฟ์อะไซด์
–กีฬากลางแจ้งเช่น กอล์ฟ เทนนิส เล่นได้
–คาเฟ่ที่มีโต๊ะนั่งกลางแจ้งเปิดได้
–พรีเมียร์ลีกเตะแบบปิดสนาม
ขั้นที่ 4 ปลายเดือนสิงหาคม/ต้นเดือนกันยายน
–เปิดผับ บาร์ ร้านอาหารทั่วประเทศ แต่ยังต้องปฏิบัติตามนโยบาย Social distancing
ขั้นที่ 5 เดือนตุลาคม
–แฟนบอลพรีเมียร์ลีกเข้าชมเกมในสนามได้! เพียงแต่ยังไม่รู้จำนวนว่าจะเข้าชมได้กี่พันคน เพราะยังต้องมีการรักษาระยะห่าง Social distancing
นี่ล่ะครับ 5 ขั้นตอนสู่การใช้ชีวิตปกติ

เขาคงจะมีสถิติหรือแนวโน้มสถานการณ์ที่น่าเชื่อถือได้เป็นเรื่องอ้างอิง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีข่าวน่าทึ่งชิ้นนี้ออกมาแน่
จะว่าไปแล้วโอกาสเป็นไปได้นั้นมีอยู่เสมอเพียงแต่เราไม่กล้าคิดถึงมันและมองข้ามมันไป คิดเพียงแค่ว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะเกิดขึ้นได้ในปีนี้
มาตรการของรัฐบาลอังกฤษเป็นมาตรการเชิงรุก รุกเข้าใส่และเผชิญหน้ากับเชื้อร้ายด้วยความกล้า ผมคิดว่ามันสะท้อนออกมาจากลักษณะนิสัยของนายจอห์นสันที่เป็นคนออกจะบ้าบิ่นอยู่สักหน่อยเหมือนกัน
แต่แน่นอนครับ บ้าบิ่นโดยที่ไม่คำนึงความปลอดภัยที่ผ่านมาตรฐานคงไม่ได้ เรื่องใหญ่ระดับที่ให้แฟนบอลเรือนหมื่นเข้าชมเกมในสนามแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
น่าคิดว่าเพราะอะไรรัฐบาลอังกฤษถึงคิดแบบนี้ มันค่อนข้างสวนทางกับความรู้สึก เพียงแต่อย่าลืมว่ามันคือเวลาในอีก 4 เดือนข้างหน้าที่ย่อมอยู่ในแผนงานระยะต่างๆ

เรื่องนี้น่าติดตามที่สุดเลยล่ะครับ มันเกินจะคาดคิดจริงๆแต่มองในอีกมุมหนึ่งนั่นคือเป้าหมายที่องอาจมาก มันกระตุ้นให้ประชาชนร่วมแรงร่วมใจกัน
พยายามไปให้ถึงจุดหมายที่วางเอาไว้ เป็นจุดหมายที่ไม่น่าเชื่อแต่ถ้าทุกคนช่วยกันมันก็เป็นไปได้
จากความไม่น่าเชื่อก็กลายเป็นมีโอกาสเกิดขึ้น จากที่ไม่เคยแม้จะฉุกคิดก็กลายเป็นได้คิด
จากความกลัวกลายเป็นความกล้า และกล้าอย่างมีสติ
อย่าเพิ่งหัวเราะหรือดูแคลนว่าฝันเฟื่อง อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ใครจะรู้ว่าโลกจะไม่เจอวัคซีนกำราบโควิด-19 ในวันนี้วันพรุ่ง (หรือในทางกลับกัน อาจจะระบาดหนักกว่าเดิมก็ได้)
ที่สำคัญคือมันไม่ใช่เป้าหมายที่อังกฤษดึงดันจะทำให้ได้ เพียงแต่เป็นเป้าหมายที่อยากทำให้ได้ ซึ่งต้องว่ากันตามสถานการณ์อยู่ดี ถ้าสถานการณ์ไม่เหมาะก็คงต้องเลื่อนออกไป
ช่างเป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้นะครับสำหรับรัฐบาลอังกฤษ และเมื่อดูประกอบกับความแข็งโป๊กของรัฐบาลเยอรมันที่ไฟเขียวให้บุนเดสลีกาฟาดแข้งกันต่อได้รวมทั้งสเปนและอิตาลีที่สู้ยิบตา
เราก็ได้เห็นว่า โควิด-19 ที่ว่าแน่ๆก็ใช่จะกวาดล้างทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าได้แบบสะดวกโยธิน มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก